พิชัยหารือหอการค้าไทยฯ ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวทุกด้าน ส่งออก-ท่องเที่ยว ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมเรียกร้องรัฐแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชน นำโดยหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน โดยระบุว่าเครื่องจักรทางเศรษฐกิจของไทยเริ่มขยับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคการส่งออกที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การส่งออกไทยเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง
นายพิชัยกล่าวว่า ภาคการส่งออกของไทยในปี 2567 เติบโต 5.4% และในเดือนมกราคม 2568 มีการเติบโตสูงถึง 13.6% คาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ภาคการส่งออกจะยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภาคการลงทุนของไทยในปี 2567 เติบโตที่ 1.14% และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2568 โดยการเติบโตนี้จะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก
นายพิชัยยังกล่าวว่า การส่งออกจะเป็นกลไกหลักในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย พร้อมกับภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดี ปี 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 36 ล้านคน และในปี 2568 คาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 39 ล้านคน
ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ
อย่างไรก็ตาม นายพิชัยได้ย้ำถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย โดยหนี้ครัวเรือนอาจสูงขึ้นถึง 90% และหนี้นอกระบบประมาณ 10% รวมกันแล้วทำให้ภาระหนี้ของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้หนี้ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถเติบโตได้ตามศักยภาพ แม้ภาคเศรษฐกิจหลายด้านจะเริ่มขับเคลื่อนได้แล้ว
รมว.พาณิชย์ยังเรียกร้องให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งชาติมีการเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งหากไม่สามารถจัดการได้ดี เศรษฐกิจไทยอาจเดินต่อไปได้ยาก แม้จะมีการขยายตัวของภาคการส่งออกและการลงทุนที่ดี
การแก้ไขหนี้ครัวเรือนต้องเร่งด่วน
นายพิชัยได้เรียกร้องให้ธนาคารแห่งชาติและภาครัฐมองหาวิธีการที่เหมาะสมในการจัดการกับหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น หนี้เสีย ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตในระยะยาว เขาเชื่อมั่นว่าหากสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ได้ เศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้ถึง 4-5% ในอนาคต
การเจรจาการค้าระหว่างประเทศยังคงเดินหน้าต่อ
นายพิชัยยังกล่าวถึงความกังวลในประเด็นผลกระทบจากการส่งตัวอุยกูร์กลับประเทศจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาค้ากับสหรัฐอเมริกาและยุโรป อย่างไรก็ตาม นายพิชัยเชื่อว่าในระยะยาว การเจรจาจะไม่มีผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ เพราะทุกประเทศยังคงต้องมุ่งสู่การทำธุรกิจร่วมกัน
ส่วนการเจรจาการค้าเสรี (FTA) นายพิชัยกล่าวว่า ข้อตกลงการค้าเสรียุโรป (EFTA) กำลังเดินหน้าไปได้ดี และประเทศไทยมีการเจรจากับหลายประเทศเพื่อขยายข้อตกลงทางการค้า ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ปัญหาภาคเอกชนห่วงความสามารถชำระหนี้
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความกังวลของภาคเอกชนในตอนนี้คือปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนและการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กหรือ SMEs ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้ จึงทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยยังคงมีอุปสรรค
นายสนั่นยังกล่าวว่า หอการค้าไทยได้ขอให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการส่งออกน้ำเชื่อมไทยไปยังจีนและทุเรียนไทย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และยังได้เจรจากับประเทศอื่นๆ เพื่อลดอุปสรรคด้านการค้าระหว่างประเทศ
รัฐบาลต้องสนับสนุนเทคโนโลยีในภาคการผลิต
นายสนั่นกล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน รัฐบาลควรสนับสนุนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในภาคการผลิตไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย พร้อมกับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่สามารถให้สิทธิพิเศษกับนักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาลงทุนในไทย
โดยสรุป นายพิชัยและนายสนั่นได้ย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจไทยในการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
กกร. เศรษฐกิจไทย, การส่งออก, ท่องเที่ยว, การลงทุนจากต่างชาติ, หนี้ครัวเรือน, ภาคเอกชน, การค้าระหว่างประเทศ,