ข่าวสาร

สรุปสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าสำคัญ ประจำสัปดาห์ 31 มีนาคม - 4 เมษายน 2568

ไทย ผลกระทบของเงินเฟ้อและแผ่นดินไหวต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ในเดือนมีนาคม 2568 สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมีนาคมสูงขึ้นถึง 0.84% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (YoY) ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหลายหมวดหมู่ อาทิ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เนื้อสัตว์ อาหารสำเร็จรูป รวมไปถึงราคาน้ำมันดีเซลและค่าเช่าบ้าน ที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น ทั้งนี้ในไตรมาสแรกของปี 2568 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 1.08% (YoY) ซึ่งสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีแรงกดดันจากการปรับตัวของราคาในหลายภาคส่วน

การเพิ่มขึ้นของราคาในหมวดต่างๆ มีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะในภาคการค้าปลีกและการบริการ ซึ่งต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าในตลาดทั่วไปปรับตัวสูงขึ้น และทำให้ความสามารถในการซื้อสินค้าของประชาชนลดลง นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากการปรับขึ้นของราคาอาจทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและชะลอการลงทุนในสินค้าฟุ่มเฟือยหรือสินค้าที่มีมูลค่าสูง

ในด้านของภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์นี้ว่ามีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายน 2568 จะลดลงประมาณ 4 แสนคน และทำให้สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท

ภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนักอาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูและส่งเสริมให้มีนักท่องเที่ยวกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ซึ่งอาจจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวต้องปรับแผนใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระยะยาว

ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ ความไม่มั่นใจจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจในการลงทุนหรือโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงของโครงสร้าง ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบอาจได้รับประโยชน์จากความกังวลนี้ โดยมีผู้บริโภคหันมาสนใจที่อยู่อาศัยประเภทนี้มากขึ้น เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยที่มีความมั่นคงสูงกว่าและลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ

การเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั้งสองปัจจัยนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญในอนาคต ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการรองรับจากภาครัฐและภาคธุรกิจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถกลับมามั่นคงและแข็งแกร่งได้อีกครั้ง.

สหรัฐ ตัวแทนจากสมาคมยานยนต์และการขับเคลื่อนของรัฐมิชิแกน (MichAuto) และหอการค้าภูมิภาคดีทรอยต์ ได้ออกมาร้องขอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกแผนการเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับยานยนต์และอะไหล่ หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (reciprocal tariff) กับทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งทั้งสององค์กรระบุในจดหมายว่าการปรับขึ้นภาษีจะส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคลดลง และกระทบต่อกำไรของบริษัท รวมทั้งทำให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในรัฐมิชิแกนและเศรษฐกิจของรัฐโดยรวมได้รับผลกระทบ เนื่องจากต้นทุนการผลิตยานยนต์จะสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและกระทบต่อผู้จำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์กว่า 1,000 ราย นอกจากนี้ แรงงานในรัฐมิชิแกนยังพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหลัก ทำให้มีผลกระทบโดยตรงต่อการจ้างงานในรัฐอีกด้วย

ราคาทองคำ  ราคาทองคำเพิ่มขึ้นแต่ยังผันผวน ราคาทองคำโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 3,108.23 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 2.4%ในขณะที่ราคาทองคำแท่งของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 50,320 บาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.4%

อัตราการแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่าในรอบกว่า 2 เดือน หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยสูงกว่าคาดมากก่อนแข็งค่ากลับมาบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์

ราคาน้ำมันดิบ เฉลี่ย WTI   68.41 USD/BBL | Brent 71.71  USD/BBL | Dubai 72.97  USD/BBL








 

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า  TPSO