ข่าวสาร

กกร.ย้ำไม่เห็นด้วย “ค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ” มองไม่สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจ-สังคม

กกร.ย้ำไม่เห็นด้วย “ค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ” มองไม่สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจ-สังคม หวั่นกระทบการจ้างงานทุกภาคส่วน เสนอแนะ 7 แนวทางที่เหมาะสม

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เห็นด้วยกับการกับการยกระดับรายได้ของแรงงานไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่มีความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยมีความผันผวน และเปราะบางจากภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลต่อประเทศและภาคธุรกิจไทยให้เผชิญกับความท้าทายรอบด้าน

ดังนั้น กกร. จึงขอเสนอแนะแนวทางการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงผลกระทบต่อภาคส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. สถานการณ์สภาพเศรษฐกิจต่อนโยบายค่าจ้างขั้นต่า 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ

กกร. เห็นว่า การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศนั้น ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จังหวัด ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการจ้างงานของทุกภาคส่วนที่ใช้แรงงาน ทั้งทางตรง และทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการภาคเกษตร ภาคบริการ และภาคธุรกิจในทุกระดับ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย

อีกทั้งจากผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ มากกว่า 90% ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ และ 30% มีมติไม่ขอปรับขึ้นค่าจ้าง โดยทั้งนี้ คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าจ้างตามตัวแปรปัจจัยทางเศรษฐกิจ และความสามารถของแต่ละจังหวัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของแต่ละพื้นที่

ดังนั้น หากคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีกลาง จะพิจารณาในทิศทางที่แตกต่าง และไม่สอดคล้องตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯ ควรมีหลักการสูตรคำนวณ และเหตุผลที่ชัดเจนโปร่งใส ที่สามารถชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการไตรภาคีจังหวัด และผู้ประกอบการ/นายจ้าง ผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมากได้

นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังขยายตัวรุนแรง และความไม่แน่นอนต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศของประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศไทยได้เปรียบดุลการค้า ยิ่งเป็นปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ เพื่อป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อภาคธุรกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

2. เหตุผล และข้อกังวล ต่อนโยบายค่าจ้างขั้นต่า 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ

  • ความแตกต่างระหว่างพื้นที่เศรษฐกิจของแต่ละจังหวัดของประเทศไทย มีระดับการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจ และค่าครองชีพที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศ ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และก่อให้เกิดปัญหาต่อผู้ประกอบการ และประชาชนในหลายพื้นที่
  • ผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคเกษตร ภาคบริการ และภาคธุรกิจในทุกระดับ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจ้างงาน ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอย่างก้าวกระโดด จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ความสามารถในการแข่งขัน และการจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวในปัจจุบัน
  • ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ยังคงมีความเปราะบาง และความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ สงครามระหว่างประเทศ ความขัดแย้งทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

3. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ

  • การเลิกจ้างและลดการจ้างงาน : ผู้ประกอบการที่มีการใช้แรงงาน จะต้องลดจำนวนพนักงาน หรือชะลอการจ้างงานใหม่ เพื่อลดต้นทุน หรือหยุดกิจการ ลดขนาดกิจการ และปรับธุรกิจออกนอกระบบภาษี จนนำไปสู่การปลดลูกจ้าง และเลิกจ้างพนักงาน เพื่อลดต้นทุนให้อยู่รอด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสมดุลของอัตราการว่างงานของประเทศ
  • การย้ายฐานการผลิต : ผู้ประกอบการไทย และผู้ประกอบการต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศ จะไม่สามารถแบกรับต้นทุน และอาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนแรงงานต่ำกว่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยในที่สุด
  • เงินเฟ้อ : การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ไม่ได้ประโยชน์จากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ จะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูงขึ้นทันที

4. จุดยืน และข้อเสนอแนะ ต่อนโยบายการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทย

กกร. ขอแสดงจุดยืน และข้อเสนอแนะต่อนโยบายการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทย โดยให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ดังนี้

1. กกร. ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ต้องคำนึงถึงมติของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และการปรับที่ไม่คำนึงถึงตัวเลขที่เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ย่อมไม่สอดคล้องกับหลักนิติรัฐ นิติธรรม (The Rule of Law) ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานทุกประเภท หยุดกิจการ ลดขนาดกิจการ หรือปรับธุรกิจออกนอกระบบภาษี จนนำไปสู่การปลดลูกจ้างและเลิกจ้างพนักงานเพื่อลดต้นทุนให้อยู่รอด เป็นต้น

2. กกร. มีความคิดเห็นว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำนั้น ควรใช้กลไกคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ซึ่งควรจะต้องสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ซึ่งได้ศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่น โดยคำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต ราคาของสินค้าและบริการ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวม และสภาพทางเศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนความสามารถของประเภทกิจการ/อุตสาหกรรมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เกิดความสมดุลและเป็นธรรมโดยทั่วกัน

3. กกร. มีความคิดเห็นว่า การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ควรจะปรับเมื่อมีเหตุจำเป็น และปัจจัยทางเศรษฐกิจบ่งชี้ แต่ไม่ควรเกินปีละ 1 ครั้งเท่านั้น และจะต้องดำเนินการตามกระบวนการ/ขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด

4. หากรัฐบาลมีนโยบายต้องการที่จะพิจารณาปรับค่าจ้างแบบจำเพาะนั้น ก็ควรมีการศึกษาความพร้อมของแต่ละประเภทกิจการ หรืออุตสาหกรรม ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน โดยคำนึงถึงความแตกต่างของผู้ประกอบการ ประเภทกิจการในแต่ละภูมิภาค ตลอดจนข้อจำกัด ข้อได้เปรียบเสียเปรียบ และศักยภาพในการแข่งขันของแต่ละประเภทกิจการ และอุตสาหกรรม เป็นต้น

5. กกร. สนับสนุนการจ่ายอัตราค่าจ้างตามทักษะฝีมือแรงงาน (Pay by Skills) ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และให้ความสำคัญกับการ UP-Skill & Re-Skill , Multi-Skill และ New Skill เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) สามารถลดต้นทุน และสร้างความสามารถในการแข่งขัน

6. กกร. สนับสนุนให้เร่งรัดการประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ให้ครบตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ซึ่งมี 280 สาขา จากปัจจุบันที่มีการประกาศไว้เพียง 129 สาขา พร้อมทั้งให้มีการขยายสาขาอาชีพมาตรฐานฝีมือ รวมทั้งอัตราค่าจ้างตามาตรฐานฝีมือให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับแรงงานไทย

7. กกร. ขอให้รัฐบาลมีมาตรการดูแลค่าครองชีพ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนเร่งรัดมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ โดยการส่งเสริมมาตรการทางภาษี มาตรการลดเงินสมทบประกันสังคม มาตรการส่งเสริมการปรับปรุงเครื่องมือและเครื่องจักร มาตรการส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงาน ฯลฯ เพื่อลดผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย เป็นต้น

 คณะกรรมการ กกร. เชื่อมั่นว่าการดำเนินนโยบายปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมและเป็นธรรมภายใต้กรอบกฎหมาย และตามมติของคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนข้อเท็จจริงจากพื้นที่จังหวัดจะ นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนทุกภาคส่วน
 

กกร.