ข่าวสารธุรกิจ

การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศภายใต้ยุค "ทรัมป์ 2.0"

รูปภาพจาก Dr. Chidiebere Moses Ogbodo

เศรษฐกิจโลกปี 2025: เงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย และภาษีนำเข้าภายใต้ "ทรัมป์ 2.0" ท้าทายการเติบโต

ปี 2025 คาดว่าจะเป็นปีที่น่าสนใจสำหรับเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงในนโยบายภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกลับมามีบทบาทในการเมืองอีกครั้ง

ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เศรษฐกิจโลกในปี 2025 คาดว่าจะเติบโตที่ 3.2% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ “คงที่แต่ไม่น่าประทับใจ” โดยยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรปที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2%

เมื่อช่วงปลายปี 2024 สหรัฐฯ ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับผู้กู้เงินจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นกลับปรับตัวลงหลังจากที่เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณว่า ไม่ควรคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 เนื่องจากการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไป

ส่วนหนึ่งของความท้าทายทางเศรษฐกิจมาจากความไม่แน่นอนในสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายของทรัมป์ 2.0 โดยหลังจากที่เขากลับมามีอำนาจอีกครั้ง ทรัมป์ได้ขู่ที่จะเพิ่มภาษีศุลกากรต่อประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ เช่น จีน แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ

รูปภาพจาก dominicantoday

การขู่ขึ้นภาษีจากทรัมป์อาจส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ลดลง และอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท ซึ่งอาจทำให้การลงทุนทั่วโลกชะลอตัวลง และอาจผลักดันเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยได้

ในทางกลับกัน รัฐบาลจีนก็ยังเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และภาษีศุลกากรที่อาจส่งผลต่อการส่งออกของจีน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จีนเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออก หากภาษีสูงขึ้นอาจซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังฟื้นตัว


รูปภาพจาก www.nstda.or.th

ในยุโรป ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินเป้าหมาย 2% โดยเฉพาะจากแรงกดดันจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีส่วนทำให้เงินเฟ้อในยุโรปยังคงอยู่ในระดับสูง

ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2025 ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาษีศุลกากรใหม่และการเปลี่ยนแปลงในนโยบายเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศอย่างจีนและแคนาดา

ในขณะที่หลายประเทศกำลังพยายามรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปี 2025 ภาคธุรกิจและผู้บริโภคยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสินค้าและบริการ และความไม่แน่นอนในอนาคตที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลก

 

ธุรกิจ เงินเฟ้อ