เอกชนรับได้การปรับค่าแรงขั้นต่ำ แนะรัฐช่วยเหลือกลุ่มได้รับผลกระทบเล็กน้อย พร้อมพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าใกล้ชิด
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการคนที่ 1 หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยสนับสนุนการปรับค่าจ้างขั้นต่ำตามกรอบกฎหมาย และการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคีในแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทในบางจังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และเกาะสมุย ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจในพื้นที่ ทั้งด้านอุตสาหกรรมและบริการ การปรับค่าแรงครั้งนี้มีอัตราเฉลี่ยการปรับขึ้นอยู่ที่ประมาณ 2% ซึ่งหอการค้าคาดว่าไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่หากมีผลกระทบต่อกลุ่มเล็ก ๆ ก็แนะนำให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการและภาคเกษตรที่อาจได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ นายพจน์ได้กล่าวว่า "การปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากไม่ได้มีการปรับค่าจ้างมาปีกว่าแล้ว ซึ่งแม้จะมีการปรับขึ้น แต่การเพิ่มค่าจ้างไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจมากนัก เพียงแค่บางกลุ่มที่ต้องการการสนับสนุนจากรัฐ"
ด้านนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมการค้าภายในจะติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่อาจได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้แรงงานฝีมือหรือแรงงานจำนวนมาก เช่น ปลากระป๋อง อาหารทะเล และอาหารตามสั่ง โดยจะร่วมกับผู้ประกอบการและผู้ผลิตพิจารณาผลกระทบจากการเพิ่มต้นทุนการผลิต รวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดจากต้นทุนอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าแรง
นายวิทยากรยังกล่าวเพิ่มเติมว่า "แม้จะมีผลกระทบจากการปรับค่าแรง แต่คาดว่าไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าในทันที เพราะสถานการณ์ยังอยู่ในกรอบที่ควบคุมได้ และรัฐบาลจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้บริโภค"
จากมุมมองของนายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับค่าแรงครั้งนี้จะกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นจีดีพีเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2% อย่างไรก็ตาม การปรับค่าแรงจะมีผลต่อต้นทุนสินค้าเฉลี่ย 2.5-5% ซึ่งจะไม่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นายธนวรรธน์ยังได้กล่าวอีกว่า การขึ้นค่าแรงครั้งนี้อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการหันไปใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบ AI ในการลดต้นทุนการผลิต และอาจเป็นปัจจัยในการดึงดูดการลงทุนในอนาคต
การปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้จึงถือเป็นการเดินทางสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ก็ยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อให้การปรับค่าจ้างไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรง