ไทยเผชิญสงครามการค้าโลก: ความท้าทายและโอกาสในการปรับตัวท่ามกลางนโยบายการค้าของทรัมป์
เมื่อสงครามการค้าโลกกำลังกลับมาร้อนแรงอีกครั้งภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตและอาจเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ประเทศไทยไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายการค้าของมหาอำนาจรายนี้ได้ง่ายๆ โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สหรัฐฯ ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเจรจาการค้าก็คือ การขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยในหลายมิติ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฃ
KKP Research ได้วิเคราะห์ว่าประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่อาจถูกจับตามองจากหน่วยงานด้านการค้าของสหรัฐฯ เนื่องจากการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับสูงและมาตรการกีดกันสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งรวมไปถึงการที่สินค้าไทยบางส่วนอาจถูกมองว่าเป็นช่องทางให้สินค้าจีนหลบเลี่ยงภาษีนำเข้า
การสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ศึกษาและประเมินการขาดดุลการค้าและนโยบายค่าเงินของประเทศต่างๆ เพื่อตอบโต้การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ไม่เพียงแต่จะเน้นไปที่จีน แคนาดา และเม็กซิโกเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสสูงที่ไทยอาจตกอยู่ในเป้าหมายรองของมาตรการดังกล่าวด้วย
แม้ว่าไทยจะไม่ได้เป็นประเทศเป้าหมายหลัก แต่การที่กลุ่มประเทศอาเซียนโดยรวมเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอันดับ 2 รองจากจีน ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญมาตรการกีดกันพร้อมกัน โดยเฉพาะสินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ และยางรถยนต์ ซึ่งอาจถูกขึ้นภาษีนำเข้า
อีกหนึ่งความเสี่ยงคือการที่สหรัฐฯ ตั้งข้อสงสัยว่าสินค้าจากจีนอาจใช้ไทยเป็นฐานส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า เช่น แผงโซลาร์เซลล์ โมเด็ม และหม้อแปลงไฟฟ้า ข้อมูลจาก ITC Trade Map ยังชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการนำเข้าสินค้าจากจีนและการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ของไทย ซึ่งเป็นประเด็นที่สหรัฐฯ จับตามองอย่างใกล้ชิด
หนึ่งในแนวทางที่ไทยอาจต้องพิจารณาคือการเปิดตลาดให้กับสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น เนื้อหมูและเนื้อไก่ เพื่อลดแรงกดดันจากสหรัฐฯ แม้จะเป็นเรื่องอ่อนไหวเนื่องจากอาจกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ แต่การไม่ปรับตัวอาจนำไปสู่การที่สินค้าส่งออกของไทยเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น
KKP Research ยังเสนอให้ไทยเตรียมกลยุทธ์การเจรจาอย่างรอบด้าน โดยพิจารณาว่าสหรัฐฯ ต้องการอะไรจากไทยและไทยมีข้อเสนอใดที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ การพิจารณาผลกระทบในแต่ละทางเลือกอย่างรอบคอบจะช่วยให้ไทยสามารถลดความเสี่ยงและหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด
สงครามการค้าในปี 2018 สอนให้ไทยเห็นถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมและการมีนโยบายที่ยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก แต่ปัจจุบันสถานการณ์แตกต่างออกไป เศรษฐกิจจีนไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม ห่วงโซ่อุปทานโลกเปลี่ยนแปลง และเศรษฐกิจไทยเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง
ดังนั้น การเตรียมแผนรองรับและการเจรจาต่อรองอย่างมีกลยุทธ์จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ไทยสามารถก้าวผ่านวิกฤตสงครามการค้ารอบใหม่นี้ไปได้อย่างมั่นคง