เปิดรายละเอียด MOU ‘คลัง’ - ‘แบงก์ชาติ’ ตั้งเป้าเงินเฟ้อ 1-3% สำหรับปี 2568 หวังเสถียรภาพเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลางและปี 2568 โดยการลงนามร่วมกันระหว่างนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ถือเป็นการวางกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่สำคัญเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
กำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ 1-3%
ตามข้อตกลงที่ทำขึ้นทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% สำหรับปี 2568 โดยเชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวจะสามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาและเอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นสูงเพื่อรองรับความผันผวนจากปัจจัยภายนอกที่อาจกระทบเงินเฟ้อในระยะต่อไป ทั้งนี้ยังเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการคุมเงินเฟ้อไม่ให้เกินขอบเขต หรือมีความต่ำเกินไปจากภาวะเงินฝืดที่อาจเกิดขึ้นจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
เสถียรภาพด้านราคาเพื่อเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและ กนง. ได้เน้นย้ำว่า การรักษาเสถียรภาพด้านราคาจะช่วยให้ภาคเอกชนสามารถวางแผนการบริโภคและการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเป็นรากฐานสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
การทำงานร่วมกันระหว่างนโยบายการคลังและการเงิน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในการดำเนินนโยบายการคลังและการเงิน โดยจะใช้เครื่องมือหลากหลาย เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมและการดูแลค่าเงินเพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนที่อาจกระทบเศรษฐกิจและระบบการเงิน รวมถึงการพิจารณามาตรการแก้ไขปัญหาหนี้และสนับสนุนการลงทุน
ติดตามผลการดำเนินนโยบายอย่างใกล้ชิด
ทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะหารือร่วมกันเป็นประจำและติดตามผลการดำเนินนโยบายอย่างใกล้ชิด โดย กนง. จะจัดทำรายงานผลการดำเนินนโยบายการเงินทุกครึ่งปี และเผยแพร่รายงานผลการดำเนินงานเป็นรายไตรมาส เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบและเพิ่มความโปร่งใสในการตัดสินใจทางการเงิน
กรณีเงินเฟ้อเคลื่อนไหวออกนอกกรอบ
หากอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวออกนอกกรอบที่กำหนดไว้ในระยะข้างหน้า กนง. จะมีการออกจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงถึงสาเหตุและแนวทางการแก้ไข โดยจะให้คำมั่นว่าจะนำเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม
ข้อเสนอแนะในการปรับเป้าหมายหากจำเป็น
ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและ กนง. สามารถตกลงร่วมกันปรับเป้าหมายของนโยบายการเงินได้ ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในอนาคต
การตกลงร่วมกันครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักลงทุนในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว พร้อมทั้งสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน.