นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์สงครามการค้าที่กำลังลุกลามระหว่างสองขั้วมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและสร้างความปั่นป่วนในตลาดการค้าและการลงทุน
การตอบโต้กันด้วยมาตรการกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะ "กำแพงภาษี" ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้เริ่มต้นด้วยการกำหนดอัตราภาษีนำเข้า 25% สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กและอลูมิเนียมจากยุโรป ซึ่งส่งผลให้สหภาพยุโรปตอบโต้ด้วยมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ รวมถึงวิสกี้ และสินค้าอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากยุโรปสูงถึง 200%
ข้อมูลจากศูนย์การค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ นำเข้าไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำส้มสายชูจากอียูเป็นมูลค่ามากกว่า 14,200 ล้านดอลลาร์ต่อปี ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองฝ่ายถือว่ามีมูลค่าสูงมาก โดยข้อมูลจาก European Commission ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2566 มูลค่าการค้าสินค้าและบริการระหว่างสหรัฐฯ กับอียูอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านยูโร โดยสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับอียูประมาณ 1.55 แสนล้านยูโร แต่ยังมีการเกินดุลในภาคบริการกว่า 1.04 แสนล้านยูโร
การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าทำให้ต้นทุนสินค้าพุ่งสูงขึ้น เกิดภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงในหลายประเทศ และสร้างแรงกดดันต่อการบริโภค การลงทุน และกำลังซื้อของภาคเอกชนในระดับโลก ระบบเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ที่เคยขับเคลื่อนด้วยแนวคิดการค้าเสรีกำลังเผชิญกับแรงต้านจาก "ลัทธิปกป้องทางการค้า" ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการผลิตทั่วโลก
ในกรณีของไทย ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-ยุโรปอาจเกิดขึ้นผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่
กำแพงภาษีและมาตรการกีดกันทางการค้า
การแข่งขันจากจีนและประเทศอื่นๆ
ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน
นายอนุสรณ์เสนอแนวทางสำคัญที่รัฐบาลไทยและภาคธุรกิจควรดำเนินการเพื่อรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป ได้แก่
ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ตั้งคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์การค้า
บูรณาการข้อมูลเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ
ใช้มาตรการทางเทคนิคเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับอาเซียนและตลาดใหม่
เจาะลึกโอกาสทางการค้าในช่วงสงครามภาษีนำเข้า
ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปกำลังก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก ขณะที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับผลกระทบจากทั้งมาตรการภาษีและกฎระเบียบทางการค้า รัฐบาลและภาคเอกชนไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และมุ่งเน้นไปที่การสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ภาษีนำเข้า, สงครามการค้า, , เศรษฐกิจโลก