ข่าวสาร

สรุปสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าสำคัญ ประจำสัปดาห์ 27 - 31 มกราคม 2568

Weekly Briefing World Economic Update


ไทย
 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้รายงานสถิติยอดผลิตรถยนต์ในปี 2567 (ปี 67) โดยพบว่ามียอดการผลิตรวมทั้งสิ้น 1.47 ล้านคัน ซึ่งลดลงจากปีที่แล้ว 20.0% เมื่อเทียบกับปีต่อปี (YoY) โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจำนวน 0.46 ล้านคัน และการผลิตเพื่อส่งออกจำนวน 1.01 ล้านคัน

ทั้งนี้ยอดขายรถยนต์ในประเทศในปี 67 อยู่ที่ 0.57 ล้านคัน ซึ่งลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักมาจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดที่เข้มงวดในการขอสินเชื่อเพื่อการซื้อรถยนต์

อย่างไรก็ตาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปี 2568 (ปี 68) ไว้ที่ 1.50 ล้านคัน โดยคาดว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจำนวน 0.50 ล้านคัน และการผลิตเพื่อส่งออกจำนวน 1.00 ล้านคัน ซึ่งคาดหวังให้สถานการณ์การผลิตและยอดขายในปี 68 ดีขึ้นจากปีก่อนหน้า

การตั้งเป้าหมายดังกล่าวถือเป็นการคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะจากการกลับมาเปิดตัวของโมเดลใหม่ๆ รวมถึงการคาดว่าอุปสงค์ในตลาดต่างประเทศจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ทาง ส.อ.ท. จะยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในตลาดและกระตุ้นการผลิตในระยะยาว.

มาตรการนี้ยังรวมถึงการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่มีทักษะเชี่ยวชาญเหลือเพียง 17% พร้อมทั้งผ่อนปรนการรายงานตัวต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจากทุก 90 วัน เป็นปีละ 1 ครั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างแรงจูงใจให้ชาวต่างชาติกลุ่มดังกล่าวเข้ามาอาศัยและทำงานในประเทศไทยมากขึ้น.

สหรัฐ 

แรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งจากตัวเลขการจ้างงานใหม่กว่า 256,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2567 ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการสร้างงานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในบางส่วน

ในด้านของอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหรัฐฯ คาดว่าปี 2568 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 16% แม้จะมีความท้าทายจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจสร้างความไม่แน่นอนในระยะยาว ส่วนในตลาดยุโรป การชะลอตัวของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอาจนำไปสู่ความเสี่ยงสำหรับผู้ผลิตที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ซึ่งอาจมีค่าปรับสูงถึง 10,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะเดียวกัน สภาพธุรกิจในออสเตรเลียในเดือนธันวาคม 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากการสำรวจของธนาคารเนชั่นแนลออสเตรเลีย (NAB) โดยดัชนีสภาพธุรกิจเพิ่มขึ้นจาก 3 จุดเป็น 6 จุด จากการสนับสนุนของยอดขายช่วงคริสต์มาสที่ช่วยกระตุ้นภาคค้าปลีกที่ซบเซา แม้ว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 2.9% (YoY) เพิ่มขึ้นจาก 2.7% (YoY) ในเดือนพฤศจิกายน 2567

แม้ว่าการตัดสินใจของ Fed ในการคงอัตราดอกเบี้ยจะไม่เป็นที่น่าแปลกใจ แต่กลับมีการคาดการณ์ว่าผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์อาจทำให้การตัดสินใจนี้เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากทรัมป์มีจุดยืนที่ต้องการให้ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ประธาน Fed ได้กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่

ราคาทองคำ  ราคาทองคำเพิ่มขึ้น ราคาทองคำโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 2,769.98 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.0% ในขณะที่ราคาทองคำแท่งของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 44,070 บาท ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.2%

อัตราการแลกเปลี่ยน เงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวน ท่ามกลางความกังวลผลกระทบต่อ เศรษฐกิจจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบ เฉลี่ย WTI 72.96 USD/BBL | Brent 76.96  USD/BBL | Dubai 80.85 USD/BBL

 

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า  TPSO